ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

1.การกำหนดนโยบายต่างประเทศ


ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การกำหนดนโยบายต่างประเทศ
ความหมายของนโยบายต่างประเทศเป็นเรื่องของการกำหนดท่าทีนโยบาย วัตถุประสงค์ และหลักการ เพื่อกำหนดแบบแผนการปฏิบัติของประเทศในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อปกป้องและคุ้มครองรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปทุกประเทศล้วนกำหนดหลักการและวัตถุประสงค์ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของตนไว้โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. การธำรงไว้ซึ่งบูรณภาพของชาติ
หลักการและจุดมุ่งหมายที่สำคัญซึ่งบรรดาประเทศทั้งหลายต่างกำหนดไว้ในแนวนโยบายต่างประเทศของตนอย่างชัดแจ้งก็คือ การธำรงรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของรัฐ กล่าวคือ รัฐของตนต้องมีอำนาจอธิปไตยทั้งภายในและภายนอกโดยสมบูรณ์

2. ความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศ
ประเทศต่างๆ พยายามดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยมุ่งถึงความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งกลุ่มประเทศต่างๆ ได้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อรักษาประเทศของตนให้พ้นจากภัยคุกคาม เช่น การจัดตั้งกลุ่มประเทศอาเซียน (Association of South East Asian Nations : ASEAN) เป็นต้น

3. การรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ในโลกยุคปัจจุบันได้มีการติดต่อแลกเปลี่ยนผลิตผลและการค้าขายระหว่างประเทศกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องกำหนดนโยบายที่มุ่งรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศตนไว้ และมีการรวมกลุ่มประเทศเพื่อรักษาผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในหมู่ประเทศตน เช่น เขตการค้าเสรีทวีปอเมริกาเหนือ (North America FREE TRADE Area : NAFTA) และสหภาพเศรษฐกิจและการเงินของยุโรป (European Economic and Monetary Union) เป็นต้น

4. การขยายอำนาจ
ชาติมหาอำนาจมักมีนโยบายต่างประเทศที่จะพยายามแข่งขันกันขยายอำนาจของชาติออกไป เพราะเป็นที่ยอมรับกันว่าเมื่อสามารถขยายอำนาจออกไปยังประเทศอื่นให้กลายมาเป็นประเทศบริวารของตนได้ก็ย่อมจะได้พันธมิตรเพิ่มขึ้น อันเป็นการนำมาซึ่งความมั่นคงปลอดภัยและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

5. เกียรติภูมิของชาติ
ในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทุกประเทศจะพยายามรักษาเกียรติภูมิของชาติของตนไว้ เพราะชาติที่มีเกียรติภูมิสูงย่อมมีอิทธิพลในด้านการเมืองระหว่างประเทศ ประชาชนในชาติของตนจะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศตน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2.เครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ

เครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1. การทูต การทูต ( Diplomacy) หมายถึง ศิลปะในการดำเนินการและในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์แห่งรัฐบาลของตนในต่างประเทศด้วยความเฉลียวฉลาด 2. การเจรจาระหว่างประมุขหรือผู้นำของรัฐ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา การคมนาคมระหว่างประเทศเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกกระทำได้โดยสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น จึงทำให้เกิดประเพณีทางการทูตขึ้นใหม่คือการเดินทางไปเจรจาระหว่างประมุขหรือผู้นำของรัฐต่างๆ ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน เป็นบุคคลแรกที่ได้ปฏิบัติ คือ การเดินทางเข้าร่วมประชุมเจรจาที่แวร์ซาร์ย ประเทศฝรั่งเศสภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาวิธีการนี้ได้กระทำกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน 3. การทหาร หลายประเทศได้ใช้กำลังทหารเป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินนโยบายต่างประเทศของตน เพราะว่าในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศนั้น แต่ละชาติต่างมุ่งรักษาหรือแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ความมุ่งหมายของการแข่งขันคือความต้องการที่จะให...

3.สาเหตุของการขัดแย้งระหว่างประเทศ

สาเหตุของการขัดแย้งระหว่างประเทศ ปรากฏการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นมาในทุกยุคทุกสมัยก็คือความขัดแย้ง ซึ่งหมายถึงสภาวการณ์ที่ตั้งแต่ 2 ประเทศขึ้นไปมีปัญหาบางประการที่ต้องกระทำการตกลงหรือระงับข้อปัญหานั้นเสียก่อน มิเช่นนั้นสภาวะดังกล่าวจะมีผลทำให้ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศไม่อาจดำเนินไปได้อย่างปกติ สำหรับสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศสามารถสรุปได้ 5 ประการ ดังนี้ 1. การขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของชาติ ได้แก่สิ่งที่ผู้นำหรือประชาชนของประเทศหนึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการธำรงไว้ซึ่งเอกราช วิถีชีวิต ความมั่งคั่ง และเกียรติภูมิของประเทศ โดยทั่วไปเมื่อประเทศหนึ่งพิจารณาเห็นว่าอีกประเทศหนึ่งแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศมากจนเป็นอันตรายต่อประเทศตน การขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งสองย่อมเกิดตามมา 2. ทัศนคติที่มีต่อกัน ทัศนคติที่มีต่อกันระหว่างประเทศนั้นเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันและทัศนคติของประชาชนของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ เช่น ทัศนคติที่ไม่ไว้วางใจกันมาแต่ก่อนจะเป็นตัวกำหนดนโยบายต่างประเทศ ดังเช่น เวียดนามมีทัศนคติสืบเนื่องมาจากอดีต...

4.มาตรการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ

มาตรการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้น ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนั้นย่อมไม่สามารถจะรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศกันไว้ได้ หากความขัดแย้งมีขีดความรุนแรงสูงอาจจะต้องถึงกับมีการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตก็ได้ อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วประเทศคู่กรณีที่เกิดความขัดแย้งนั้นไม่พึงปรารถนาที่จะปล่อยให้ความขัดแย้งมีอยู่ตลอดไป เพราะตราบเท่าที่ยังมีความขัดแย้งอยู่ ประเทศคู่กรณีไม่อาจมีความสัมพันธ์ปกติต่อกันได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องแสวงหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น สำหรับมาตรการที่ถือเป็นขนบธรรมเนียมในการแก้ไข ความขัดแย้งนั้น มีดังนี้ 1. การเจรจาโดยตรงระหว่างประเทศที่มีปัญหาต่อกัน วิธีการนี้จะใช้ได้กับประเทศที่มีปัญหาต่อกันโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นประเทศที่มีพรมแดน ติดต่อกัน ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งที่นำไปสู่ความขัดแย้งกัน เช่น กรณีปัญหาชายแดนพม่าของไทย ซึ่งทำให้รัฐบาลและผู้นำทางทหารของไทยและพม่าต้องเปิดเจรจาต่อกันเพื่อแก้ไขปัญหา เป็นต้น 2. การประนีประนอม เป็นมาตรการที่คู่กรณีที่มีควา...